วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกร


เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกร


ปลามังกรเป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่สมัยนี้ผู้คนนิยมเลี้ยงกันมาก  เพราะเป็นปลาที่ดูมีความสง่าราศี เหมาะกับผู้คนมีฐานะเพราะมีราคาแพง หลายคนเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงปลามังกรแล้วจะมีโชคลาภ และสำหรับบางคนที่อยากเห็นตั้งแต่ปลาตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้

1.  อาหารปลามังกร
ไรน้ำนางฟ้ามีโปรตีนสูงมากถึง 65% ทำให้ปลาที่กินไรน้ำนางฟ้า โตเร็ว เพราะได้โปรตีนช่วยในการเจริญเติบโต
2.) คารฺ์โบไฮเดรตสูงกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ทำให้ปลาได้รับพลังงานสูง การเคลื่อนไหวก็กระฉับกระเฉง
3.) ไขมันต่ำทำให้ปลาไม่อ้วน จึงทำให้ปลาสุขภาพดี ไม้ขี้โรค และที่สำคัญไรน้ำนางฟ้านั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนมากกว่าอาหารชนิด อื่นๆด้วยซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่สร้างสีสันให้ปลาดูสวยงาม เราสามารถ พบจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า เมื่อปลาหมอสีที่เลี้ยงด้วยปลา หมอสีเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้ปลามีสีแดงสดอย่างชัดเจน และเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ ทำให้ปลาอายุยืนอีกด้วย
2. ไรน้ำนางฟ้านั้นเจริญเติบโตเร็วมาก สามารถเก็บผลผลิตได้ใน5-7วัน
3. ขยายพันธุ้ได้เร็ว เพราะไรน้ำนางฟ้าตัวเมีย1 ตัววางไข่ได้ราว 6,000-12,000ฟอง
4. สามารถเลือกเก็บตัวไรไปใช้ประโยชน์ได้หลายขนาดตามขนาดของปลาที่เลี้ยง เช่น - ลูกไร อายุ 1-3 วันใช้เลี้ยงลูกปลาได้ - ไร อายุ 4-5 วัน มีขนาด 1 ซม. ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก - ไร อายุ 7 วัน มีขนาด 2 ซม. และอายุ 15 วัน ขนาด 3-4 ซม.ใช้เลี้ยงปลาขนาดใหญ่ได้
5. ลดต้นทุนค่าอาหาร เพราะถ้าต้องซื้อจากฟาร์มเพาะเลี้ยง ซึ่งราคาตัวละ 5-10 สตางค์แต่ถ้าสามารถเพาะเลี้ยง ได้เองจะสามารถลดต้นทุนได้มาก เพราะมีต้นทุนเพียงค่าน้ำค่าปุ๋ย และค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย
2.              อากาศ  เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา
3.               การเตรียมตู้ การเลี้ยงปลามังกรนั้นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงเรื่องตู้เป็นอันดับแรกนะคับ มาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เลี้ยงนั้นคือ 60*24*24 นิ้ว หรือ ประมาณ 150*60*60 ซม. จะสามารถเลี้ยงจากขนาดเล็กที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปจนถึง ขนาด 24 นิ้ว จะสามารถทำให้ท่านเลี้ยงได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วจึงค่อยขยับขยายแต่หากท่านที่มีเนื้อที่ ค่อนข้างจำกัดจริงๆก็สามารถเลี้ยงได้ตลอดไป แต่กระจกที่ใช้ควรจะหนาประมาณ 3 หุน ขึ้นไป และ ในกรณีที่พอมีเนื้อที่ในด้านกว้างที่พอจะเพิ่มได้ควรจะกว้างอย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 75 ซม. สูง 36 นิ้ว แต่จะให้ดีก็ กว้าง 36 นิ้ว หรือ 90 ซม. สูง 36 นิ้ว ไปเลยก็จะดี ปลาขนาดใหญ่จะได้ไม่เครียด”( ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อกันกระโดดด้วย ประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของปลา ) ที่ผมแนะนำอย่างนี้ก็เพื่อผู้เลี้ยงจะไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อตู้บ่อยๆ แล้วตู้ที่ไม่ได้ใช้เกะกะเต็มบ้านจนต้องยอมขายถูกๆหรือไม่ก็ยกให้ใครไปฟรีๆ แต่ปัญหาที่พบบ่อยปลาเล็กในตู้ขนาดใหญ่ คือ ตื่นกลัว ทำให้การว่ายไม่สง่า ครีบลู่ วิธีแก้คือ หาแท้งค์เมท มาเพิ่มสัก 2-5 ตัว แล้วแต่ขนาดของตู้ ปลาที่ผมอยากจะแนะนำได้แก่ ปลานกแก้ว เป็นตัวหลัก เพราะ เป็นปลาที่ไม่มีข้อเสีย เลย แถมยังข้อดีเพียบ แต่ ไม่ควรใส่จนเยอะเกินไป หรือ นำนกแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าปลามังกรใส่ลงไป ก็จะสามารถแก้อาการตื่นกลัวได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ปลาตื่นกลัว เช่น เด็กชอบมาทุบกระจก หรือ ตู้ปลาอยู่ตรงทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น ในกรณีท่านที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เมื่อปลาได้ขนาด 16 –18 นิ้วแล้วจึงย้ายปลาไปอยู่ในตู้ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ปลาที่ท่านเลี้ยงโตขึ้นโดยไม่สะดุด และการว่ายจะไม่มีปัญหา และปลาจะไม่เกิดความเครียด เมื่อท่านเลือกขนาดตู้ที่เหมาะสมแล้วนั้นการเลือกระบบการกรองชีวภาพ และรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น
4.               น้ำ  น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที
5.              น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน บางท่านอาจจะใช้การพักน้ำให้คลอรีนระเหยบ้าง ใช้เครื่องกรองน้ำบ้าง ( ข้อควรระวัง ห้ามใช้เครื่องกรองที่มีวัสดุกรองเป็นเรซินหรือเครื่องกรองน้ำที่ใช้ดื่ม วัสดุกรองที่ใช้กรองคลอรีนจะต้องเป็นถ่านกะลาเท่านั้น หากใช้คาร์บอนชนิดอื่นอาจทำให้น้ำเป็นด่างสูงเป็นอันตรายต่อปลาได้ ) คุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามังกรนั้นค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากให้ผมแนะนำการที่จะได้มาซึ่งคุณภาพน้ำสูงสุดนั้น ควรใช้น้ำปะปาแล้วต่อเครื่องกรองคลอรีนแล้วนำน้ำไปพักให้ตกตะกอนหากน้ำที่พักทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวันควรมีหัวทรายตีน้ำไว้เพื่อคงระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันน้ำเสีย จะทำให้ท่านได้น้ำที่ปราศจากคลอรีน ใสไม่มีตะกอน และมีออกซิเจนสูง อุณหภูมิน้ำในตู้บริเวณผิวน้ำควรอยู่ระหว่าง 30-34 องศาเซลเซียส น้ำที่ต้องห้ามใช้เลี้ยงปลามังกร ได้แก่ น้ำที่มีสารเคมีทุกชนิดปนอยู่ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูง น้ำฝน น้ำบาดาล น้ำสกปรก คือน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณต่ำ

6.              อุณหภูมิ  ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่
7.               สภาพแวดล้อม   จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น
8.              โรคภัย   โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด
เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังนี้ก็จะเห็นปลามังกรโตได้เร็ว

การแบ่งสายพันธุ์ปลามังกร
เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลาได้ 4 สายพันธุ์ 1. ปลามังกรทอง (มาเลเซีย) Arowana Cross Back 2. ปลามังกรแดง (อินโดนีเซีย) Arowana Red 3. ปลามังกรทอง (อินโดนีเซีย) Arowana Red Tail Golden 4. ปลามังกรเขียว Arowana Green ปลามังกรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อได้เปรียบเทียบกับปลามังกรจากอเมริกาใต้นั้น ปลามังกรจากเอเชียจะมีช่วงหางที่กลมเหมือนพัดและช่วงตัวที่กว้าง ความกว้างของลำตัวจะมีขนาด 4 ถึง 5.5 นิ้ว เกล็ดจะมีความแข็งแลใหญ่ ครีบหน้าคู่ จะมีขนาดที่เท่ากันในแต่ละส่วน ครีบหางจะมี 2 แบบคือ แบบลูกแพร์และแบบพัด ครีบช่วงหลังบน ครีบช่วงหลังล่างและครีบหางจะไม่เชื่อมต่อกัน ช่วงปากจะมีขนาดใหญ่และเป็นรูปเฉียง ปลามังกรจะมีฟันที่น้อยเรียงชิดกันมากและมีความคม ปากจะมีรูปทรงมุมฉากเมื่อปลาเปิดปาก ลูกตาทั้งสองข้างจะมีขนาดใหญ่ หนวดทั้งคู่จะยื่นออกมาจากขอบปากด้านล่าง ปลาชนิดนี้สามารถยาวได้ถึง 30 นิ้วและมีน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ในป่านั้นปลาจะอาศัยอยู่บริเวณน้ำที่ตื้น ๆ และมีความสะอาด ปลาอโรวาน่าจะอยู่นิ่ง ๆ หรือลอยไปผิวน้ำ ส่วนที่มีความทึบริแม่น้ำ ระดับของอุณหภูมิน้ำนั้นจะอยู่ราว ๆ 27 องศา และค่า ph จะประมาณ 6.5-7 ปลาอโรวาน่าที่อยู่ในธรรมชาตินั้นจะมีความก้าวร้าวและจะป้องกันถิ่นที่อยู่อาศัย 1. ปลาอโรวาน่าทองอินโดหางแดง ปลาอโรวาน่าสายพันธุ์นี้ส่วนหลังจะมีสีออกไปทางสีดำเขียวเข้ม ๆ จะรวมไปถึงครีบหลังและส่วนครึ่งบน ของหางส่วนสีทองบนเกล็ดนั้นปลาที่สายพันธุ์ดีนั้น สีจะออกทองครึ่งหนึ่งของเกล็ด ส่วนครีบหน้า ครีบส่วนท้องและหางส่วนครึ่งล่างจะมีสีแดงเข้ม ส่วนของเหงือกทั้งหมดจะออกเป็นสีทองแวววาว สายพันธุ์นี้ถูกค้นพบใน กาลิมันตันและสุมาตรา ประเทศอินโดนิเซียและมีราคาที่เหมาะสม 2. ปลาอโรวาน่าทองมาเลเซีย รูปร่างลักษณะจะเหมือนปลาอโรวาน่าทองอินโด ยกเว้นเกล็ดสีทองนั้นจะข้ามหลังและสีทองจะเหลืองเข้มแวววาวทั้งตัว ยังมี blue base (สีน้ำเงินเหลือบตามเกล็ดลงไปถึงท้อง ปลาสายพันธุ์นี้ยังมีจำนวนน้อยเพราะสามารถเพาะพันธุ์ได้จำนวนน้อย ดังนั้นปลาสายพันธุ์นี้จึงมีราคาแพงกว่าปลาอโรวาน่าทองอินโดอยู่มากและก็ยังมีราคาที่แพงกว่าปลาอโรวาน่าแดง 3. ปลาอโรวาน่าแดง เหงือกปลาสายพันธุ์นี้จะมีสีแดง ครีบทั้งหมดและขอบของเกล็ดก็จะมีสีแดงเข้มหรือสีแดงเลือด 4. ปลาอโรวาน่าเขียว เกล็ดจะเป็นสีเขียว รูปทรงจะสั้นและเล็กกว่า ปลาสายพันธุ์นี้จะพบได้ตามธรรมชาติในประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนามและพม่า

กระผมก็ได้ยกตัวอย่างเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงปลามังกรมาพอให้ทราบแล้ว  สุดท้ายนี้ถ้าใครสนใจคิดว่าอยากเลี้ยงก็ลองดูได้นะคับ แต่ต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลให้อาหาร ถ้าหาซื้อมาเลี้ยงแล้วอย่าปล่อยทิ้งขว้างไว้นคับ                        

แหล่งอ้างอิง





สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก


สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก
พิษณุโลก ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่ง ที่เจริญในภาคเหนือตอนล่าง และ มีประชากรอยู่เป็นจำนวนมาก การคมนาคม ก็สะดวกสบาย ผู้คนในภาคเหนือส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มจะมาตั้งถิ่นฐานภายในจังหวัดนี้แล้ว  และ จังหวัดนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อยเลยเราลองไปดูกันดีกว่าว่าจังหวัดพิษณุโลกนี้ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างที่น่าสนใจ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
1.เลยนะคับศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
             ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมซึ่งเป็นพระราชวังจันทน์มาก่อนในอดีต ตัวศาลเป็นศาลาทรงไทยโบราณตรีมุข พระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่ง พระหัตถ์ทรงพระสุวรรณภิงคารหลั่งน้ำในพระอิริยาบถประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง สร้างโดยกรมศิลปากร เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2404 มีการจัดงานสักการะพระบรมรูปในวันที่ 25 มกราคมของทุกปี

เมื่อเดือนมีนาคม 2535 กรมศิลปากรได้ขุดค้นพบแนวเขตพระราชฐานพระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งนับว่าเป็นการขุดค้นทางโบราณคดีและทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของจังหวัด ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้กลบหลุมขุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถาน
ไว้จนกว่าจะได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง

2.            พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี (จ่าสิบเอกทวี-พิมพ์ บูรณเขตต์)
                  ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลก เป็นที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านในอดีต ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ จนถึงชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น เครื่องวิดน้ำด้วยมือ เครื่องสีข้าว เครื่องมือดักจับสัตว์ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประเภทหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาการ
ท่องเที่ยว เมื่อปี 2541
จ่าสิบเอก ดร. ทวี บูรณเขตต์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ เป็นผู้ที่มีฝีมือในทางประติมากรรม และได้รับการเชิดชูเกียรติมากมาย ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือ แขนงช่างหล่อ ประจำปี 2526 และได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมทั้งการประกาศเกียรติคุณเป็น คนดีศรีพิษณุโลก
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ โดยเก็บค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ตั้งแต่เวลา 8.30–16.30 น.
3. น้ำตกแก่งซอง

เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ด้านจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ที่ตำบลแก่งซอง ริมทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณ กม.45 เกิดจากลำน้ำเข็กลดระดับทำให้ธารน้ำมีลักษณะเป็นน้ำตก มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกสกุโณทยานที่อยู่บนเส้นทางสายเดียวกัน บริเวณน้ำตกแก่งซอง มีบ้านเรือนต่างๆ ตั้งอยู่ริมน้ำตก มีสะพานแขวนเดินชมทิวทัศน์แม่น้ำเข็กและข้ามไปหมู่บ้านฝั่งตรงข้าม ตามรายทางใกล้กับน้ำตกแก่งซอง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟและบริการล่องแก่งน้ำเข็กที่ตื่นเต้นสนุกสนานล่องได้เฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากประมาณ เดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม
            4. น้ำตกแก่งโสภา

            เส้นทางพิษณุโลก - หล่มสัก อยู่บริเวณกม.ที่ 71 - 72 มีทางแยกเข้าไป 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ในลำน้ำเข็ก มีความสูงราว 40 เมตร สภาพโดยรอบร่มรื่น ตอนบนเป็นแผ่นหินเรียบ ส่วนตอนล่างเป็นโขดหินใหญ่ ในช่วงฤดูน้ำหลากสายน้ำจะไหลเชี่ยวกราก ส่วนในช่วงที่น้ำน้อยจะแลเห็นน้ำตกไหลลดหลั่นเป็นชั้นต่างๆ 3 ชั้น ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับชาวไทยคนละ 20 บาท ชาวต่างชาติคนละ 200 บาท เด็กไม่เสียค่าธรรมเนียม เปิดเวลา 08.00-17.00
5. น้ำตกปอย

         ระหว่าง กม. ที่ 59 - 60 ทางหลวงหมายเลข 12 มีทางแยกไปน้ำตกปอยอีก 2 กิโลเมตร บริเวณสวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สภาพโดยรอบร่มรื่นเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และในบริเวณสวนป่ายังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติสำหรับผู้ที่สนใจ และมีบริการบ้านพักสำหรับประชาชนทั่วไป (ดูรายละเอียดในสถานที่พัก)
6. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง

                อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแหล่งผืนป่าซาวันนาแห่งเดียวของภาคเหนือที่แอบแฝงเสน่ห์แห่งป่า ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ความแตกต่างแห่งพืชพรรณที่ไม่พบเห็นบ่อยนักในป่าเมืองเหนือ นอกจากนี้ยังเป็ฯถิ่นอาศัยของสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความหลากหลายทางชีวภาพมีพื้นที่ 789,000 ไร่ ในท้องที่จังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2518 สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เป็นต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ กม. 80 เส้นทางสายพิษณุโลก - หล่มสัก นักท่องเที่ยวสามารถขอข้อมูลเดินทางศึกษาธรรมชาติ รวมทั้งใช้บริการที่พักและกางเต็นท์พักแรมได้ แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกต่างๆ บนเส้นทางสายพิษณุโลก - หล่มสัก เช่นน้ำตกแก่งโสภา น้ำตกวังนกแอ่น ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันออกและตอนกลางของอุทยานฯ ในเขต อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เป็นบริเวณป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันนา ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งพญา ทุ่งโนนสน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเดินป่าและกางเต็นท์พักแรม สามารถติดต่อได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.8 (หน่วยฯ หนองแม่นา)
7. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

             อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แหล่งที่ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิแห่งการต่อสู้ แต่ในปัจจุบันคงใช้แต่ความสงบ ความร่มรื่น ความงดงามแห่งธรรมชาติ ที่แอบแฝงเอกลักษณ์เฉพาะทางธรณีวิทยาให้ผู้เยี่ยมเยือนได้สัมผัส และเรียนรู้ ทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ครอบคลุมพื้นที่ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหินภูหินร่องกล้าเคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่กระจายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปสู่เขาค้อ ภูขัด และภูเมี่ยง จนเกิดเป็นปัญหาความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเหตุการณ์สงบลงในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ได้มีการตัดเส้นทางผ่านใจกลางภูหินร่องกล้าและจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้น จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือตอนล่างในปัจจุบัน
8. น้ำตกวังนกแอ่นหรือสวนรุกชาติสกุโณทยาน
                  ตั้งอยู่ที่บริเวณ กม. 33 ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก - หล่มสัก) แยกขวาไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กในลำธารวังทอง อันมีต้นกำเนิดมาจากลำน้ำเข็ก บริเวณทั่วไปร่มรื่นด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มีป้ายชื่อต้นไม้กำกับไว้ ด้านทิศตะวันตกมีพลับพลาสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2501 ด้านทิศตะวันออกมีศาลาริมน้ำ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง ก่อนถึงตัวน้ำตก 500 เมตรมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปยังแก่งไทร ซึ่งเป็นแก่งหินคั่นกลางลำน้ำเป็นขั้นๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
9.  อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว

            ครอบคลุมพื้นที่ป่าเขาในเขต 4 อำเภอของพิษณุโลก คือ  วังทอง วัดโบสถ์ นครไทย และชาติตระการ เป็นแหล่งต้นน้ำหลายสายที่ไหลลงสู่ลำน้ำแควน้อยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ คือ น้ำตกแก่งเจ็ดแคว อันเป็นที่รวมของธารน้ำสายย่อยๆ จำนวน 7 สาย การเดินทางจากพิษณุโลก ใช้เส้นทางพิษณุโลก - หล่มสัก 6 กิโลเมตร แยกซ้ายไปอำเภอวัดโบสถ์ (ทางหลวงหมายเลข 11) ประมาณ 25 กิโลเมตร ก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย มีทางแยกขวาไปบ้านนาขามอีก 15 กิโลเมตร เดินทางต่อไปอีก 9 กิโลเมตรถึงอุทยานฯ (เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง)
10. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล

               ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงอำเภอวังทองระยะทาง 20 กิโลเมตร แยกขวาไปยังอำเภอสากเหล็กอีก 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง 1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 10 กิโลเมตร เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง ในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่ง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนนับหลายล้านปี เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมายทั่วบริเวณ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ
             นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอข้อมูลได้เจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางมาถึงยังสำนักงานเขต การเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ ต้องนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ หากต้องการพักค้างแรมหรือทัศนศึกษาเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้าได้ที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล หมู่ 6 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก 65190
             นี่ก็เป็น ตัวอย่าง คร้าวๆ  ของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกนะคับจริงๆแล้ว พิษณุโลกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย หลายแห่ง ถ้าใครคนไหนที่อยู่ต่างจังหวัดสนใจ ก็ลองมาเที่ยวดูได้นะคับรับลองว่าคุ้มไม่มีผิดหวัง
                                                                                                                                              
แหล่งอ้างอิง 

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพพิษณุโลก            http://www.phitsanulok.go.th/travel_p1.html