วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกร


เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกร


ปลามังกรเป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่สมัยนี้ผู้คนนิยมเลี้ยงกันมาก  เพราะเป็นปลาที่ดูมีความสง่าราศี เหมาะกับผู้คนมีฐานะเพราะมีราคาแพง หลายคนเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงปลามังกรแล้วจะมีโชคลาภ และสำหรับบางคนที่อยากเห็นตั้งแต่ปลาตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้

1.  อาหารปลามังกร
ไรน้ำนางฟ้ามีโปรตีนสูงมากถึง 65% ทำให้ปลาที่กินไรน้ำนางฟ้า โตเร็ว เพราะได้โปรตีนช่วยในการเจริญเติบโต
2.) คารฺ์โบไฮเดรตสูงกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ทำให้ปลาได้รับพลังงานสูง การเคลื่อนไหวก็กระฉับกระเฉง
3.) ไขมันต่ำทำให้ปลาไม่อ้วน จึงทำให้ปลาสุขภาพดี ไม้ขี้โรค และที่สำคัญไรน้ำนางฟ้านั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนมากกว่าอาหารชนิด อื่นๆด้วยซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่สร้างสีสันให้ปลาดูสวยงาม เราสามารถ พบจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า เมื่อปลาหมอสีที่เลี้ยงด้วยปลา หมอสีเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้ปลามีสีแดงสดอย่างชัดเจน และเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ ทำให้ปลาอายุยืนอีกด้วย
2. ไรน้ำนางฟ้านั้นเจริญเติบโตเร็วมาก สามารถเก็บผลผลิตได้ใน5-7วัน
3. ขยายพันธุ้ได้เร็ว เพราะไรน้ำนางฟ้าตัวเมีย1 ตัววางไข่ได้ราว 6,000-12,000ฟอง
4. สามารถเลือกเก็บตัวไรไปใช้ประโยชน์ได้หลายขนาดตามขนาดของปลาที่เลี้ยง เช่น - ลูกไร อายุ 1-3 วันใช้เลี้ยงลูกปลาได้ - ไร อายุ 4-5 วัน มีขนาด 1 ซม. ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก - ไร อายุ 7 วัน มีขนาด 2 ซม. และอายุ 15 วัน ขนาด 3-4 ซม.ใช้เลี้ยงปลาขนาดใหญ่ได้
5. ลดต้นทุนค่าอาหาร เพราะถ้าต้องซื้อจากฟาร์มเพาะเลี้ยง ซึ่งราคาตัวละ 5-10 สตางค์แต่ถ้าสามารถเพาะเลี้ยง ได้เองจะสามารถลดต้นทุนได้มาก เพราะมีต้นทุนเพียงค่าน้ำค่าปุ๋ย และค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย
2.              อากาศ  เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา
3.               การเตรียมตู้ การเลี้ยงปลามังกรนั้นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงเรื่องตู้เป็นอันดับแรกนะคับ มาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เลี้ยงนั้นคือ 60*24*24 นิ้ว หรือ ประมาณ 150*60*60 ซม. จะสามารถเลี้ยงจากขนาดเล็กที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปจนถึง ขนาด 24 นิ้ว จะสามารถทำให้ท่านเลี้ยงได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วจึงค่อยขยับขยายแต่หากท่านที่มีเนื้อที่ ค่อนข้างจำกัดจริงๆก็สามารถเลี้ยงได้ตลอดไป แต่กระจกที่ใช้ควรจะหนาประมาณ 3 หุน ขึ้นไป และ ในกรณีที่พอมีเนื้อที่ในด้านกว้างที่พอจะเพิ่มได้ควรจะกว้างอย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 75 ซม. สูง 36 นิ้ว แต่จะให้ดีก็ กว้าง 36 นิ้ว หรือ 90 ซม. สูง 36 นิ้ว ไปเลยก็จะดี ปลาขนาดใหญ่จะได้ไม่เครียด”( ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อกันกระโดดด้วย ประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของปลา ) ที่ผมแนะนำอย่างนี้ก็เพื่อผู้เลี้ยงจะไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อตู้บ่อยๆ แล้วตู้ที่ไม่ได้ใช้เกะกะเต็มบ้านจนต้องยอมขายถูกๆหรือไม่ก็ยกให้ใครไปฟรีๆ แต่ปัญหาที่พบบ่อยปลาเล็กในตู้ขนาดใหญ่ คือ ตื่นกลัว ทำให้การว่ายไม่สง่า ครีบลู่ วิธีแก้คือ หาแท้งค์เมท มาเพิ่มสัก 2-5 ตัว แล้วแต่ขนาดของตู้ ปลาที่ผมอยากจะแนะนำได้แก่ ปลานกแก้ว เป็นตัวหลัก เพราะ เป็นปลาที่ไม่มีข้อเสีย เลย แถมยังข้อดีเพียบ แต่ ไม่ควรใส่จนเยอะเกินไป หรือ นำนกแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าปลามังกรใส่ลงไป ก็จะสามารถแก้อาการตื่นกลัวได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ปลาตื่นกลัว เช่น เด็กชอบมาทุบกระจก หรือ ตู้ปลาอยู่ตรงทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น ในกรณีท่านที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เมื่อปลาได้ขนาด 16 –18 นิ้วแล้วจึงย้ายปลาไปอยู่ในตู้ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ปลาที่ท่านเลี้ยงโตขึ้นโดยไม่สะดุด และการว่ายจะไม่มีปัญหา และปลาจะไม่เกิดความเครียด เมื่อท่านเลือกขนาดตู้ที่เหมาะสมแล้วนั้นการเลือกระบบการกรองชีวภาพ และรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น
4.               น้ำ  น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที
5.              น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน บางท่านอาจจะใช้การพักน้ำให้คลอรีนระเหยบ้าง ใช้เครื่องกรองน้ำบ้าง ( ข้อควรระวัง ห้ามใช้เครื่องกรองที่มีวัสดุกรองเป็นเรซินหรือเครื่องกรองน้ำที่ใช้ดื่ม วัสดุกรองที่ใช้กรองคลอรีนจะต้องเป็นถ่านกะลาเท่านั้น หากใช้คาร์บอนชนิดอื่นอาจทำให้น้ำเป็นด่างสูงเป็นอันตรายต่อปลาได้ ) คุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามังกรนั้นค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากให้ผมแนะนำการที่จะได้มาซึ่งคุณภาพน้ำสูงสุดนั้น ควรใช้น้ำปะปาแล้วต่อเครื่องกรองคลอรีนแล้วนำน้ำไปพักให้ตกตะกอนหากน้ำที่พักทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวันควรมีหัวทรายตีน้ำไว้เพื่อคงระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันน้ำเสีย จะทำให้ท่านได้น้ำที่ปราศจากคลอรีน ใสไม่มีตะกอน และมีออกซิเจนสูง อุณหภูมิน้ำในตู้บริเวณผิวน้ำควรอยู่ระหว่าง 30-34 องศาเซลเซียส น้ำที่ต้องห้ามใช้เลี้ยงปลามังกร ได้แก่ น้ำที่มีสารเคมีทุกชนิดปนอยู่ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูง น้ำฝน น้ำบาดาล น้ำสกปรก คือน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณต่ำ

6.              อุณหภูมิ  ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่
7.               สภาพแวดล้อม   จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น
8.              โรคภัย   โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด
เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังนี้ก็จะเห็นปลามังกรโตได้เร็ว

การแบ่งสายพันธุ์ปลามังกร
เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลาได้ 4 สายพันธุ์ 1. ปลามังกรทอง (มาเลเซีย) Arowana Cross Back 2. ปลามังกรแดง (อินโดนีเซีย) Arowana Red 3. ปลามังกรทอง (อินโดนีเซีย) Arowana Red Tail Golden 4. ปลามังกรเขียว Arowana Green ปลามังกรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อได้เปรียบเทียบกับปลามังกรจากอเมริกาใต้นั้น ปลามังกรจากเอเชียจะมีช่วงหางที่กลมเหมือนพัดและช่วงตัวที่กว้าง ความกว้างของลำตัวจะมีขนาด 4 ถึง 5.5 นิ้ว เกล็ดจะมีความแข็งแลใหญ่ ครีบหน้าคู่ จะมีขนาดที่เท่ากันในแต่ละส่วน ครีบหางจะมี 2 แบบคือ แบบลูกแพร์และแบบพัด ครีบช่วงหลังบน ครีบช่วงหลังล่างและครีบหางจะไม่เชื่อมต่อกัน ช่วงปากจะมีขนาดใหญ่และเป็นรูปเฉียง ปลามังกรจะมีฟันที่น้อยเรียงชิดกันมากและมีความคม ปากจะมีรูปทรงมุมฉากเมื่อปลาเปิดปาก ลูกตาทั้งสองข้างจะมีขนาดใหญ่ หนวดทั้งคู่จะยื่นออกมาจากขอบปากด้านล่าง ปลาชนิดนี้สามารถยาวได้ถึง 30 นิ้วและมีน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ในป่านั้นปลาจะอาศัยอยู่บริเวณน้ำที่ตื้น ๆ และมีความสะอาด ปลาอโรวาน่าจะอยู่นิ่ง ๆ หรือลอยไปผิวน้ำ ส่วนที่มีความทึบริแม่น้ำ ระดับของอุณหภูมิน้ำนั้นจะอยู่ราว ๆ 27 องศา และค่า ph จะประมาณ 6.5-7 ปลาอโรวาน่าที่อยู่ในธรรมชาตินั้นจะมีความก้าวร้าวและจะป้องกันถิ่นที่อยู่อาศัย 1. ปลาอโรวาน่าทองอินโดหางแดง ปลาอโรวาน่าสายพันธุ์นี้ส่วนหลังจะมีสีออกไปทางสีดำเขียวเข้ม ๆ จะรวมไปถึงครีบหลังและส่วนครึ่งบน ของหางส่วนสีทองบนเกล็ดนั้นปลาที่สายพันธุ์ดีนั้น สีจะออกทองครึ่งหนึ่งของเกล็ด ส่วนครีบหน้า ครีบส่วนท้องและหางส่วนครึ่งล่างจะมีสีแดงเข้ม ส่วนของเหงือกทั้งหมดจะออกเป็นสีทองแวววาว สายพันธุ์นี้ถูกค้นพบใน กาลิมันตันและสุมาตรา ประเทศอินโดนิเซียและมีราคาที่เหมาะสม 2. ปลาอโรวาน่าทองมาเลเซีย รูปร่างลักษณะจะเหมือนปลาอโรวาน่าทองอินโด ยกเว้นเกล็ดสีทองนั้นจะข้ามหลังและสีทองจะเหลืองเข้มแวววาวทั้งตัว ยังมี blue base (สีน้ำเงินเหลือบตามเกล็ดลงไปถึงท้อง ปลาสายพันธุ์นี้ยังมีจำนวนน้อยเพราะสามารถเพาะพันธุ์ได้จำนวนน้อย ดังนั้นปลาสายพันธุ์นี้จึงมีราคาแพงกว่าปลาอโรวาน่าทองอินโดอยู่มากและก็ยังมีราคาที่แพงกว่าปลาอโรวาน่าแดง 3. ปลาอโรวาน่าแดง เหงือกปลาสายพันธุ์นี้จะมีสีแดง ครีบทั้งหมดและขอบของเกล็ดก็จะมีสีแดงเข้มหรือสีแดงเลือด 4. ปลาอโรวาน่าเขียว เกล็ดจะเป็นสีเขียว รูปทรงจะสั้นและเล็กกว่า ปลาสายพันธุ์นี้จะพบได้ตามธรรมชาติในประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนามและพม่า

กระผมก็ได้ยกตัวอย่างเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงปลามังกรมาพอให้ทราบแล้ว  สุดท้ายนี้ถ้าใครสนใจคิดว่าอยากเลี้ยงก็ลองดูได้นะคับ แต่ต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลให้อาหาร ถ้าหาซื้อมาเลี้ยงแล้วอย่าปล่อยทิ้งขว้างไว้นคับ                        

แหล่งอ้างอิง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น